วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง @ เลย

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึงประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่)
ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีบนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาที่หวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต
นักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ขอให้ติดต่อ สอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้า ทั้งที่พักประเภทเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติและพื้นที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเองตามแผนผังจุดพักแรม ก่อนเดินทางได้โดยตรง ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์หมายเลข 0-42810-833 และหมายเลข 0-42810-834 ในเวลาราชการ (08.00 น.-16.30 น.) ในกรณีที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวพักแรมบนยอดเขาที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงนั้น ให้มาติดต่อซื้อค่าบริการบุคคลก่อนเวลา 13.30 น. และในเวลา 14.00 น. ของทุกวันจะทำการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาในแต่ละวัน




















ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี
อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ ราคา 900 - 4,000 บาท 
ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท อัตราค่าบริการ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2558 ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่ : -
 เบอร์โทร : +66 2562 0760
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 06.00 - 18.00

ขอบคุณเจ้าของภาพ คลิกที่นี่



วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

“ตามรอยไดโนเสาร์...ตะลุยแดนอีสาน” @ สหัสขันธ์ กาฬสินธุ์

“ตามรอยไดโนเสาร์...ตะลุยแดนอีสาน” 

DINO GO LOCAL หรือ “ตามรอยไดโนเสาร์...ตะลุยแดนอีสาน” คือ กิจกรรมที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้นภายใต้โครงการ Amazing Thailand Go Local ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่างวันที่
14 กันยายน - 14 ตุลาคม 2561 ทุกศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ รวม 15 วัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้แนวคิด “ทุกสิ่งสร้างสรรค์ ณ กาฬสินธุ์” หรือ Creative KALASIN  ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ได้ดึงไดโนเสาร์ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของกาฬสินธุ์ ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้างความน่าสนใจ ให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยไดโนเสาร์ในแดนอีสาน เป็นการท่องเที่ยวเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวกลุ่มเยาวชน และกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่





มีอะไรในงาน DINO GO LOCAL บ้าง ?

นักท่องเที่ยวที่มาร่วมกิจกรรม จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ปลุกให้ไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  โดยใช้บริเวณของหลุมขุดค้นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นพื้นที่จัดกิจกรรม ที่หลากหลายโดยแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ



1. เขาวงกตดีโน่ (DINO MAZE) 
ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้และตามรอยไดโนเสาร์ในจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยใช้เทคโนโลยีมากมายในการนำเสนอกิจกรรมต่าง ๆ เช่น Projection Mapping , Interactive Sandbox , Virtual Reality ฯลฯ ไปในฐานของการตามรอยไดโนเสาร์ที่สอดแทรกความรู้และแรงบันดาลใจ พร้อมสัมผัสกับไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้เสมือนจริง

2. โซน DINO PLAYGROUND 
ให้น้อง ๆ ได้สัมผัสกับการขุดบ่อทรายเพื่อค้นหาฟอสซิลไดโนเสาร์ เกมบันไดดีโน่ สร้างความสนุกสนานและผ่อนคลายในครอบครัว และการได้ทดลองขี่ไดโนเสาร์เจ้าสัตว์ใหญ่ผู้ครองโลกในอดีต

3. โซน DINO DIY/CIY 
ประดิษฐ์สิ่งของและทำอาหารตามรอยไดโนเสาร์ และร่วมวาดภาพ ระบายสีไดโนเสาร์ ชิงรางวัลมากมาย

4. โซน DINO SHOW 
กิจกรรมการแสดงที่น่าสนใจ ทั้งการแสดงที่สื่อถึงอัตลักษณ์ของกาฬสินธุ์  จากวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์  การแสดงมายากล/ละครใบ้ที่สนุกสนาน กิจกรรมเสวนากับนักบรรพชีวินวิทยา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเกิดการเรียนรู้ถึงการทำงานของนักบรรพชีวินวิทยา การฉายภาพยนตร์และสารคดีเกี่ยวกับไดโนเสาร์และการแสดงจากศิลปินรับเชิญมากมาย เช่น แพรวาจีจี้ เกิร์ลกรุ๊ปสาวไทยหัวใจกาฬสินธุ์ / นนท์ ธนนท์ แชมป์ The Voice และแชมป์ The Mask Singer season 4 / ไอซ์ ศรัณยู นักร้องมากความสามารถ / Rose Quartz เกิร์ลกรุ๊ปนานาชาติ / กำภู-รัชนีย์ คู่หูเล่าข่าวอารมณ์ดี ที่มีโชว์เด็ด ๆ มาฝาก ฯลฯ

5. โซนช้อปแอนด์ชิม 
ได้อิ่มอร่อยกับอาหารเด่น อาหารดังเมืองกาฬสินธุ์ รวมถึงสินค้าและของที่ระลึกที่ ขึ้นชื่อจากจังหวัดกาฬสินธุ์ อาทิ ผ้าไหมแพรวา ไส้กรอกปลา หมูทุบ โรตีไดโนเสาร์ ข้าวจี่ไดโนเสาร์ ลูกชุบไดโนเสาร์ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยมีรถรางไดโน่พาเลาะ พาท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ใกล้เคียงในราคามิตรภาพ หรือ จะแวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร เก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ได้ใกล้ ๆ กัน ในราคาไม่แพง (ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท)


เตรียมพร้อมก่อนไปงาน

กิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยให้เข้าชมฟรี (แต่ซื้อของ/กินข้าวต้องจ่ายสตางค์นะจ๊ะ ^^) สิ่งที่ต้องเตรียม คือ
1. หัวใจ ที่พร้อมจะออกเดินทางตามรอยไดโนเสาร์
2. เวลา ที่สามารถเลือกได้ว่าเราจะย้อนเวลาไปยังโลกไดโนเสาร์ในช่วงเวลาใด ระหว่างวันที่ 14 กันยายน - 14 ตุลาคม 2561 ทุกศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
3. แผนการเดินทาง เลือกเวลาได้แล้วก็วางแผนในการออกเดินทาง ว่าจะไปรถยนต์ รถทัวร์ หรือ เครื่องบิน (สามารถลงที่ขอนแก่น และร้อยเอ็ด แล้วนั่งรถต่อมาได้)
4. อุปกรณ์ในการเก็บความทรงจำ กล้องถ่ายรูปทุกชนิด จะโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปได้ก็ได้ สมุดบันทึก ปากกา เอาไว้เก็บข้อมูลความรู้

การเดินทางไปงาน

พิพิธภัณฑ์สิรินธร สถานที่ในการจัดกิจกรรม ตั้งอยู่ที่ภูกุ้มข้าว ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที เส้นทางในการสัญจรสะดวก ใครที่วางแผนในการมาร่วมงาน และมาท่องเที่ยวที่กาฬสินธุ์ สามารถจับจองที่พักในอำเภอเมือง หรือ อำเภอสหัสขันธ์ก็ได้

 รถยนต์ 
จากกรุงเทพฯ-กาฬสินธุ์ ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข2) ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นต่อด้วยเส้นทางหมายเลข 23 ทางหลวงหมายเลข 213 และ 227 มหาสารคาม-กาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ รวมระยะทาง 564 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ไปทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 30กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 227 (กาฬสินธุ์-สหัสขันธ์-คำม่วง-วังสามหมอ-พังโคน) ก่อนถึงตัวอำเภอสหัสขันธ์ประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่วัดสักกะวันตรงข้างโรงเรียนสหัสขันธ์ศึกษา เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร

 รถไฟ 
จากกรุงเทพฯ-สถานีรถไฟขอนแก่น จากขอนแก่นต่อรถประจำทางไปกาฬสินธุ์และสหัสขันธ์ อีก 100 กิโลเมตร ในการเดินทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่นนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทย มีขบวนรถเร็วออกเวลา 08.20 น. และ 20.40 น. รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.0 2223 7461 หรือ สถานีรถไฟขอนแก่น โทร. 0 4322 1754 , 0 4322 1112

รถโดยสารประจำทาง 
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดบริการเดินรถ กรุงเทพฯ-กาฬสินธุ์ ทุกวัน โดยรถปรับอากาศ ม.2 ออกทุก 40 นาที ตั้แต่เวลา 09.00-22.00 น. สำหรับรถปรับอากาศ ม.4 (VIP) ออกเวลา 22.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 1490 เรียก บขส. หรือ โทร 0 2936 2841-48 www.transport.co.th จากนั้นต่อรถประจำทางกาฬสินธุ์ ถึง อ.สหัสขันธ์ (ระยะทาง 30 กิโลเมตร)

เครื่องบิน 
สามารถนั่งเครื่องบินมาลงได้ที่จังหวัดขอนแก่น หรือ จังหวัดร้อยเอ็ด แล้วต่อรถเข้าจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรถโดยสารประจำทาง หรือ รถโดยสารไม่ประจำทางก็ได้ ค่อนข้างสะดวก เดินทางต่อไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็มาถึงถิ่นดีโน่ได้แล้ว

สวนอาหารจ้อก้อฟาร์ม @ ร้อยเอ็ด

จ้อก้อฟาร์ม 

ถ้าใครอยากกินอาหารทะเลที่ร้อยเอ็ดต้องที่นี่เลย จ้อก้อฟาร์ม เป็นร้านสวนอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ในช่วงกลางวัน มีที่นั่งทั้งในห้องแอร์ และนอกห้องแอร์ที่เป็นกระท่อมๆ ให้บรรยากาศชิวๆ ธรรมชาติ เป็นส่วนตัว เมนูอาหารแนะนำคือ กุ้งเผาตัวใหญ่สด น้ำจิ้มโอเค ต้มยำกุ้งก็รสชาติจัดจ้านถึงใจ อีกเมนูที่ชอบคือกุ้งอบวุ้นเส้น หมึกแดดเดียวนี่พลาดไม่ได้เลยนะ การบริการดี รสชาติโอเค ที่จอดรถสะดวก โดยรวมแล้วถือว่าเป็นร้านอาหารทะเลคุณภาพและราคาไม่แพง รับจัดเลี้ยง ประชุมสัมนา จัดอาหารกรุ๊ปทัวร์






ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่ : 371/1 ถนนรณชัยชาญยุทธ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัด ร้อยเอ็ด 45000
 เบอร์โทร : 043-516-684 , 081-964-7257
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาทำการ : 09.30 - 21.30

บ้านดงโฮมสเตย์ @ ศรีมหาโพธิ์ ปราจีนบุรี

บ้านดงโฮมสเตย์

บ้านดงโฮมสเตย์ หมู่ 3 หมู่บ้านดง ตำบลกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี 25140 ตำบลกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
บ้านท้ายดง(หมู่ 4) ต.ดงกระทงยาม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีชื่อเสียงด้านการผลิตตะกร้อ-ตะแกรง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ระดับประเทศ และได้รับประกาศนียบัตรรับรองหมู่บ้าน OTOP Village Champion ปี2549 ของคณะกรรมการจัดการประกวดหมู่บ้านหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และไทยทีวีสีช่อง 3 เคยมาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตะกร้อ-ตะแกรง ทำให้ตำบลดงกระทงยามเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป นอกจากนั้นภายในพื้นที่ยังมี ศูนย์ธรรมานามัย ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวน และแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ (แพล่องแม่น้ำ) ตำบลหาดยาง ประชาชนส่วนใหญ่ของตำบลกระทงยาม ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พื้นที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก อากาศบริสุทธิ์ และที่ผ่านมาได้มีกลุ่มคณะบุคคลและหน่วยงานราชการ สนใจเดินทางการศึกษาดูงานในพื้นที่ตำบลดงกระทงยาม โดยเฉพาะคณะนักศึกษาแพทย์แผนไทยที่เข้ามาฝึกภาคปฏิบัติที่ตำบลดงกระทงยาม เป็นเวลา 2 วัน ได้เข้าพักแรมที่บ้านพักของชาวบ้าน 1 คืน ในลักษณะบ้านพักโฮมสเตย์ องค์การบริหารส่วนตำบลดงกระทงยามจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาการให้บริการในรูปแบบของบ้านพักโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน ที่มีการบริหารจัดการโดยชุมชน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และเป็นอาชีพเสริมให้แก่ประชาชนในพื้นที่






กิจกรรม

ทัศนศึกษา ณ ศูนย์ผลิตภัณฑ์ตะแกรง ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
ชมการแปรรูปข้าว (ข้าวหอมปราจีน)
• ทัศนศึกษา ณ ศูนย์ผลิตภัณฑ์ตะแกรง ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
• ชมการแปรรูปข้าว (ข้าวหอมปราจีน) ชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนและศูนย์ธรรมานามัย
• กิจกรรมนันทนาการ ได้แก่ ปั่นจักรยานชมทุ่งทัศนียภาพของหมู่บ้าน บริการนวดเพื่อสุขภาพ
• ล่องแพในแม่น้ำปราจีนบุรี ร่วมออกกำลังกายรำไม้พวน
• กิจกรรมการแสดง ได้แก่ หมอแคนไทยพวน กลองยาว เซิ้ง ตะกร้อตะแรง รำสาวไทยพวน
• กิจกรรมประเพณีและวัฒนธรรม ได้แก่ ประเพณีออกพรรษา ตักบาตรเทโว สงกรานต์ ลอยกระทง ทำบุญข้าวหลาม (ไทยพวน) สารทพวน

ราคาที่พัก & ค่าใช้จ่ายในกิจกรรม

ราคาที่พักเริ่มต้นที่ : 200 บาท
• ค่าบริการบ้านพัก 200 บาท /คน/คืน
• ค่าอาหารเช้า 50 บาท/คน/มื้อ อาหารกลางวัน 80 บาท/คน/มื้อ อาหารเย็น 100 บาท/คน/มื้อ
• ค่าล่องแพหาดยาง(แพอยู่กับที่) 150 บาท/คน/มื้อ (รวมค่าอาหารเครื่องดื่ม ทั้งนี้ กรณีกรณีนักท่องเที่ยวต้องการล่องแพจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม เช่น น้ำมันเรือลากแพ ค่าจ้างคนขับเรือ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการ)
• แสดงหมอแคนและหมอรำไทยพวน 1,500 บาท แสดงกลองยาว 2,000 บาท แสดงรำสาวไทยพวน 1,500 บาท แสดงเซิ้งตะกร้อ-ตะแกรง 1,500 บาท
จำนวนนักท่องเที่ยวที่รองรับ 60 คน

ของที่ระลึก

• ผลิตภัณฑ์ตะกร้อ-ตะแกรง
• ทองม้วนสมุนไพร
• ผลิตภัณฑ์น้ำยาเอนกประสงค์
• ข้าวหอมนิล

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

• โบราณสถาน อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5)
• หลุมเมือง
• เทวสถานพานหิน

ช่องทางการติดต่อ

ชื่อ-นามสกุล : คุณเดือนเพ็ญ ขันธ์ทอง
โทรศัพท์ : โทรศัพท์มือถือ : 081-7203020แฟกซ์ : อีเมล : dong_ktyam@hotmail.com

ขอบคุณข้อมูล โฮมสเตย์ไทย

โฮมสเตย์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา @ อัมพวา สมุทรสงคราม

โฮมสเตย์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา

51 ม.2 หมู่บ้านคลองศาลา ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 71150 ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา ตั้งอยู่ริมคลองท่าคาใกล้ตลาดน้ำท่าคา รวมกลุ่มทำน้ำตาลมะพร้าว ฟื้นฟูภูมิปัญญาอาชีพดั้งเดิมของตนตำบลท่าคา เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าของสินค้า รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา ด้วยการจัดกิจกรรมพานักท่องเที่ยวมาดูการทำน้ำตาลมะพร้าว ต่อมาจึงคิดทำบ้านพักโฮมสเตย์ ที่สื่อให้เห็นถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนท่าคา โดยชุมชนเป็นเจ้าของ เพื่อส่งเสริมให้คนมาเที่ยวตลาดน้ำท่าคา และเพื่อให้ชุมชนดูแลทรัพยากร สิ่งแวดล้อม เช่น ลำคลอง และแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ




กิจกรรม

• ตักบาตรตอนเช้า โดยพระบิณฑบาตทางเรือ
• ล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน(พายเรือ)
• ชมการบิ่น(เคี่ยวน้ำตาล)
• แนะนำบ้านเรือนไทยเก่าแก่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาส
• เที่ยวชมตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำโบราณ ชมกลุ่มจักสาน กลุ่มขนมไทย กลุ่มกะลามะพร้าว โดยเลือกได้ 3 ทาง (เดิน พายเรือ ปั่นจักรยาน)
• เที่ยวชมและนมัสการหลวงพ่อวัดเทพประสิทธิ์คณาวาส
• ชมบ้านเรือนไทย อุปกรณ์ทางการเกษตรและของใช้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน
• ชมการผลิตน้ำตาลมะพร้าวจากสวน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นสินค้า OTOP 5 ดาว
• กิจกรรมนวดเพื่อสุขภาพ
• ปั่นจักรยานออกกำลังกายตอนเช้า-เย็น

ราคาที่พัก & ค่าใช้จ่ายในกิจกรรม

   ราคาที่พักเริ่มต้นที่ : 150 บาท
• ค่าบริการบ้านพัก(พร้อมอาหารเช้า-เย็น และชุดใส่บาตร) 400 บาท/คน/คืน
• ค่าบริการบ้านพัก(ไม่ร่วมค่าอาหาร) 150 บาท/คน/คืน
• ค่าบริการเรือชมหิ่งห้อย 200 บาท/6คน/ลำ
• ค่าบริการจักรยาน 30 บาท/คน
• ค่าบริการเรือยนต์นำเที่ยว 1,000-1,800 บาท/6-15 คน/วัน
• ค่าบริการมัคคุเทศก์นำเที่ยว 300 บาท/คณะ
• ค่าบริการนวดฝ่าเท้า 150บาท/คน/ชั่วโมง
• ค่าบริการนวดแผนไทย 200 บาท/คน
• ค่าบริการนวดประคบสมุนไพร 300 บาท/คน
จำนวนนักท่องเที่ยวที่รองรับ 30 คน

ของที่ระลึก

• น้ำตาลมะพร้าว• น้ำตาลสด• จักสานจาก้านมะพร้าว• ขนมไทย• ของใช้จากกะลา• ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

• ตลาดน้ำท่าคา• ค่ายบางกุ้ง• อุทยานรัชกาลที่ 2• วัดอัมพวัน• ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา• วัดจุฬามณี• วัดศรัทธาธรรม(วัดมอญ)• ดอนหอยหลอด• วัดเพชรสมุทรวรวิหาร(วัดบ้านแหลม)• ตลาดน้ำบางน้อย• เขียนลายเบญจรงค์วัดปากง่าม

สิ่งอำนวยความสะดวก

Cable TV เฟอร์นิเจอร์ ที่จอดรถ สระว่ายน้ำ ซักรีด Fitness ห้องครัว เลี้ยงสัตว์ได้ True Vision Direct Phone Internetเครื่องปรับอากาศ พัดลม ห้องพักรายวัน

ช่องทางการติดต่อ

ชื่อ-นามสกุล : คุณฐานิดา สีเหลือง
โทรศัพท์ : 034-766322โทรศัพท์มือถือ : 086-7898130



ร้านขาหมูเชียงดาว สาขาข่วงสิงห์ @ เชียงใหม่

ร้านขาหมูเชียงดาว สาขาข่วงสิงห์

ข้าวขาหมูร้านนี้เป็นข้าวขาหมูสูตรเชียงดาว สูตรข้าวขาหมูที่ชาวเชียงใหม่ยอมรับและได้ลิ้มรสกันมานาน ประหนึ่งว่าเป็นไก่ย่างโคราชหรือลาบยโสธรอะไรประมาณนี้ ถามถึงรสชาติเนื้อหวานชุ่ม นุ่มอร่อย หมูนุ่มกำลังดี คากิก็นุ่มใช้ได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน ข้าวก็เพื่อสุขภาพ รสชาติกลมกล่อม ทานคู่กับไข่ต้ม ผักกาดดอง กระเทียม ทุกอย่างลงตัว ส่วนจับฉ่าย ไข่กะทะ และเมนูอื่นก็ถือว่าผ่าน ร้านนี้ออกแนวสะอาดสะอ้าน พวงพริกสะอาดมาก เมล็ดพริกและกระเทียมที่เตรียมให้ทานเป็นเครื่องเคียงนี่จัดเต็มจริงๆ








ข้อมูลการติดต่อ

ชื่อ : ร้านขาหมูเชียงดาว ข่วงสิงห์
ที่อยู่ : 107 เทศบาลนครเชียงใหม่
 เบอร์โทร : 053 215 443
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาทำการ : 09.00 - 22.00


แจ่วฮ้อน ท่าขอนยาง @ มหาสารคาม

แจ่วฮ้อน ท่าขอนยาง

ขอแนะนำแจ่วฮ้อน รสเด็ดประจำอำเภอท่าขอนยาง จ.มหาสารคราม มีทั้งแจ่วฮอนหมู เนื้อ ปลา ทะเล มาเสริฟพร้อมน้ำจิ่มรสเด็ด ซดร้อนๆกลิ่นข้าวคั่วหอมชวนทาน มีเมนูไทยอีสานอีกหลากหลายเมนู บรรยากาศสบายๆ มีดนตรีสดเล่นให้ฟัง
ผมชอบน้ำเครื่องปรุงเนื้อมาก คือเป็นคนชอบกินเนื้อ ซดน้ำร้อนๆนะ แซบขาดใจ จะสั่งมากินที่บ้านก็ได้ส่งทั่วไทยถึงหน้าบ้าน ที่บ้านก็ชอบคือบอกต่อกันได้อย่างไม่อายเลยทีเดียว บรรยากาศในร้านมีให้เลือกหลายแนว โล่งๆนอกอาคาร ห้องแอร์ ในอาคาร สไตลในสวน อาหารอร่อย ราคาไม่แพง แนะนำให้ลองแจ่วฮ้อน ปลาลุยสวน กุ้งสะดุ้ง









ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่ : ถนนถี่นานนท์ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
 เบอร์โทร : +669 8663 2826
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 09:00 - 23:00 ที่จอดรถ(มีที่จอดรถ) รับจองล่วงหน้า เหมาะสำหรับเด็กๆ เหมาะสำหรับมาเป็นกลุ่ม แอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์) ช่วงราคา ฿฿ (101 - 250 บาท) 

เก้ากระโจน @ ราชบุรี

เก้ากระโจน @ ราชบุรี

ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง น้ำตกเก้าชั้นหรือน้ำตกเก้าโจนนั้นเป็นที่รู้จักกันในหมู่กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมาอย่างยาวนานมาก จนในที่สุดทางอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นต่างๆ พัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอสวนผึ้ง โดยน้ำตกสายนี้เกิดจากสันปันน้ำซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบรางลา (รางลา เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า ที่ราบสูง) บนเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางความสมบูรณ์ของผืนป่า ซึ่งแท้จริงตัวน้ำตกนั้นมีขนาดใหญ่มากและมีถึง 14 ชั้น ยาว 25 กิโลเมตร แต่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมได้ถึงชั้นที่ 9 เท่านั้น เนื่องจากน้ำตกชั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ปิดซึ่งมี สภาพเป็นป่าลึก ภูเขาสูงชันและหุบเหว


อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ความงามของน้ำตกทั้ง 9 ชั้นที่เปิดให้ท่องเที่ยวได้ ก็สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวได้มากมายแล้ว โดยเฉพาะชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นที่สายน้ำตกทิ้งตัวดิ่งลงมาจากหน้าผา จัดเป็นชั้นน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุด จุดเด่นของน้ำตกเก้าชั้นอยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลผ่านหินผาอันเป็น หินแกรนิตซึ่งมีความแข็งแกร่ง ยากแก่การผุกร่อน ทำให้สายน้ำไม่อาจกัดเซาะให้เกิดความเว้าแหว่งได้ จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์สายน้ำพุ่งทะยานลงมา สู่พื้นล่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของอีกชื่อที่หลายคนนิยมเรียกกันคือ “น้ำตกเก้าโจน” ไม่ใช่ “เก้าโจร” ตามที่เข้าใจกัน แต่หลังจากนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและขจัดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของคำว่า “โจร” จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นน้ำตกเก้าชั้นแทน   รู้ก่อนเที่ยว - ควรเตรียมน้ำดื่มอย่างน้อยคนละ 1 ขวด - จากชั้น 6 – 9 ทางค่อนข้างชันเพื่อความไม่ประมาท ควรมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย - สำหรับผู้ต้องการไปถึงชั้น 9 ควรเริ่มออกเดินทางไม่เกิน 12.00 น. และกลับลงมาจากชั้นเก้าไม่เกิน 16.00 น. เพื่อความปลอดภัย - สำหรับผู้ต้องการถ่ายภาพควรเริ่มออกเดินทางเวลา 15.00 น. เมื่อถึงชั้นเก้าจะเป็นเวลาประมาณ 18.00 น. และเตรียมเต็นท์พักแรมบนชั้นที่ 9 อุปกรณ์เดินป่าไฟฉายไปให้พร้อมไม่แนะนำให้เดินทางกลับลงมาชั้นล่างอาจเกิดอันตรายยามค่ำคืนกลางป่าได้ 

น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 1 

ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากชั้นอนุบาลก็มาถึงชั้นแรกที่มีลักษณะเป็นออบหรือโกรกธาร น้ำตกชั้นแรกนี้จะตกลงไประหว่างซอกหินขนาดใหญ่บางมุมจะไม่สามารถมองเห็นน้ำได้เนื่องจากหินบังทั้งหมด


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 2 

ที่ชั้นนี้จะมีสะพานเดินข้ามไปอีกฝากหนึ่งของน้ำตก และเดินลึกเข้าไปมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่ชั้นสองนี้มีแอ่งน้ำขนาดไม่ใหญ่มากอยู่เบื้องล่าง มีนักท่องเที่ยวบางคนเล่นน้ำที่นี่แต่ไม่มากนัก


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 3 

สำหรับชั้นที่ 3 นี้เราจะยืนอยู่ด้านบนของน้ำตก มีทางเดินลงไป แต่ในฤดูฝนทางลงไปนั้นค่อนข้างลื่น หากต้องการเก็บภาพน้ำตกชั้นนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 4 

บริเวณชั้น 4 เป็นทางเดินขึ้นไปบนน้ำตกได้ มีลักษณะเป็นน้ำตกลงผาหินกว้าง นอกจากนี้ด้านเหนือขึ้นไปมีลำธารสวยงาม จากชั้นนี้ลงไปก็ยังมีน้ำตกไล่ระดับลงไปอีกหลายขั้น แต่นับเป็นชั้น 4 ทั้งหมด สวยมาก นักท่องเที่ยวที่นิยมลงเล่นน้ำหลายคนจะมาเล่นที่แอ่งของชั้นที่ 4 นี้เนื่องจากทางเดินไม่ไกลมาก และไม่ค่อยมีผู้คนเดินมาถึงชั้นนี้มากนัก


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 5 

บริเวณชั้น 5 มีแอ่งเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ แต่ลักษณะของน้ำตกไม่สวยเท่าชั้นอื่นๆ มีสะพานเดินศึกษาธรรมชาติไปทะลุธารน้ำร้อนบ่อคลึงได้


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 6 

เป็นชั้นที่สวยงามมากชั้นหนึ่งของน้ำตกเก้าโจน เป็นผาหินกว้างและสูง จะมองเห็นน้ำที่ในแอ่งน้ำเหมือนสีแดงแต่จริงๆ แล้วน้ำใสมาก เพียงแต่ด้านล่างมีลักษณะเป็นแอ่งทราย (หากเดินลงไปจะรู้ว่าขาค่อยๆ จมลงแต่ไม่ลึกมาก) จึงทำให้น้ำดูเหมือนแดง


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 7 

จากน้ำตกชั้นที่ 6 จะเป็นทางเดินขึ้นเขาชันกว่าทางเดินในช่วงอื่นๆ ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกชั้นที่ 7 ชั้นที่ 8 และชั้นที่ 9 ตามลำดับ หากเดินมาถึงชั้น 6 แล้วก็ลองเดินต่อไปอีกหน่อย เพราะสามชั้นสุดท้ายนั้นอยู่ห่างกันไม่มาก จะมีทางเดินไปชั้น 9 ที่ต้องเดินลงเขา


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 8 

อยู่ห่างจากชั้นที่ 7 เล็กน้อย มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลลงตามแก่งหินแนวยาว ไม่มีแอ่งลงเล่นน้ำ


น้ำตกเก้าโจนชั้นที่ 9 

เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของน้ำตกเก้าโจน มี 3 ระดับ คือด้านล่างเป็นแอ่งน้ำลงเล่นน้ำได้ ช่วงกลางคือที่เห็นอยู่ในรูปเป็นน้ำตกลงมาจากผาหินสูงและกว้างพอสมควร เหนือชั้นนี้ขึ้นไปทางขึ้นค่อนข้างลำบากเนื่องจากต้องไต่ผาหินขึ้นไปมีน้ำตกเป็นสายยาวๆ ลงมาหลายขั้น


ข้อมูลการติดต่อ

เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.30 น.   อัตราค่าเข้าจักรยานยนต์ 10 บาท  รถยนต์เล็ก 20 บาท  รถบัส 100 บาท 
ที่อยู่ : บ้านห้วยผัก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
 เบอร์โทร : +66 3247 1005-6
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 08.00 - 16.30